วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การกินยาคุม ฉุกเฉิน ...!!



เรื่องของยาคุมฉุกเฉิน!!

1. ยาคุมฉุกเฉิน ใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถุงยางอนามัยแตก ลืมกินยาคุมปกติ มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้เตรียมตัว หรือไม่รู้ตัวมาก่อนว่าจะโดนฟัน

2.ยาคุมฉุกเฉินป้องกันได้แค่ 70 -80 % เท่านั้น แม้กินครบและถูกต้องแล้ว ก็ยังท้องได้ (ถ้ากินเม็ดเดียวประสิทธิภาพก็ลดลงกว่านี้อีก)

3. เมื่อกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว 4 - 5 วัน อาจมีเลือดออกอันเป็นผลจากยาได้ แต่ไม่ได้ออกทุกคน บางคนกินไปแล้วไม่มีเลือดก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องสงสัย

4. เลือดที่ออกจากยาคุมฉุกเฉิน เป็นจากตอนกินยา ฮอร์โมนในเลือดสูงพุ่งปรูด พอหยุดกิน ปริมาณฮอร์โมนลดลงอย่างรวดเร็ว ก็จะมีเลือดออกจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ภาษาหมอเรียก withdrawal bleeding อาจออกเล็กน้อยวันสองวัน หรือ 3 - 4 วันก็ได้ ปริมาณอาจเล็กน้อย หรือมากก็ได้

5. เลือดที่ออกหลังกินยาคุมฉุกเฉิน อาจเป็นเลือดรอบเดือนหรือไม่เป็นก็ได้ ไม่มีใครบอกได้แน่นอน

6. กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว หลังจากนั้นมีเลือดออก จะถือว่ามีรอบเดือน เป็นช่วงปลอดภัย แล้วจะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันอย่างอื่นไม่ได้ เพราะอาจตั้งครรภ์ได้ อย่าเสี่ยงซ้ำสองอีกครับ ป้องกันซะ

7. กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว รอบเดือนอาจแปรปรวน จะมาอีกครั้งเมื่อไหร่ ตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน

8. กินยาคุมฉุกเฉินแล้วมีเลือดออก ก็ไม่ได้แปลว่า ไม่ท้อง อย่าประมาท กินยาแล้วไม่มีเลือดออก ก็ไม่เป็นไร

9.กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้วมีเลือดออก แล้วอยากกินยาคุมแบบปกติ (แบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด)ก็กินได้ แต่ต้องตระหนักเสมอว่า แผงแรกยังไม่ได้ผลเต็มที่ ควรใช้การคุมกำเนิดอย่างอื่นเสริมร่วมด้วย จนกว่าจะขึ้นแผงที่สอง จึงจะได้ผลแน่นอน




10. ใช้ยาคุมฉุกเฉินไปครั้งหนึ่งแล้วก็ควรตระหนัก หาวิธีคุมกำเนิดแบบอื่นที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ได้แล้ว ไม่ใช่กินซ้ำๆซากๆ ชิวิตมีแต่ฉุกเฉินเสมอ

11. ถ้ากินทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ แล้วอีก 12 ชั่วโมงกินอีกเม็ด ประสิทธิภาพเต็มที่ราว 70-80 % ถ้ากินเม็ดแรกช้ากว่านี้ หรือกินเม็ดหลังช้ากว่า 12 ชั่วโมง ประสิทธิภาพก็ลดลงอีก

12. ถ้ากินยาครบ 2 เม็ดแล้วหลังจากนั้นจะมีเพศสัมพันธ์อีก อย่าถามว่ายาจะมีผลคุมได้ไหม ... ขนาดกินถูกต้องยังคุมไม่ได้ร้อย แล้วอย่างนี้จะเชื่อใจได้อย่างไร

13. ถ้ากินยาช้า เช่น กินหลังร่วม 1 - 2 วัน ประสิทธิภาพก็ลดลงจากข้อข้างต้น (อาจจะสรุปได้ว่าไม่มีผลเรยก้อได้นะค่ะ เพราะถ้าปฏิสนธิภายใน 24 ชั่วโมงนะค่ะ)

14. ระหว่างเม็ดแรกกับเม็ดที่ 2 จะมีเพศสัมพันธ์กี่ครั้งก็ได้ (ถ้าอยากประหยัดและมีแรง)

15. กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ถ้าไม่แน่ใจว่าท้องหรือไม่ 3 สัปดาห์หลังกินยาก็ลองตรวจปัสสาวะดู

16. กินยาคุมฉุกเฉิน ไม่ทำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะเกิดการผิดพลาด

17. อาการข้างเคียงที่เขียนไว้ในใบกำกับยา ไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคน บางคนอาจไม่มีอาการดังกล่าวก็ได้ คนที่ไม่มีอาการดังกล่าว ก็ไม่ได้แปลว่ายาไม่ได้ผล

18. กินยานี้มากๆบ่อยๆ จะมีผลต่อขบวนการของรอบเดือนทำให้รอบเดือนแปรปรวน อาจมาไม่ปกติ หรือไม่มาได้

19. ยาคุมฉุกเฉินที่จำหน่ายในประเทศไทย ยี่ห้อมาดอนน่า (Madonna) กับโพสตินอร์ (Postinor) และ แมรี่พิ้ง (Mary Pink) มีตัวยาเหมือนกันเด๊ะ เพียงแต่ผลิตจากคนละบริษัท ประสิทธิภาพเหมือนกัน

20. ยาคุมฉุกเฉินที่ได้ผลมากที่สุดคือ RU-486 (Mifepristone) ได้ผลถึง 98 % แต่น่าเสียดายที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย

21. กินยานี้แล้วมารู้ว่าท้อง ก็ไม่เป็นไร ยาตัวนี้มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนช่วยป้องกันไม่ให้แท้งง่ายๆ

Credit 1 :  http://www.clinicrak.com/faq.html#bcontrol
Credit 2 :  ~♥ Pukpik Jang ♥~